นาค
นาคเป็นอมนุษย์ มีพละกำลังมหาศาลทรงอานุภาพด้วยอิทธิฤทธิ์ อาศัยอยู่ใต้บาดาลที่เรียกว่านาคพิภพ รูปร่างทั่วไปลักษณะคล้ายงู โดยปกตินาคสามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้ แต่ก็มีข้อยกเว้นคือ ในเวลาเกิด ตาย นอนหลับ ร่วมเพศและเวลาลอกคราบ การแปลงกายของนาคมิใช่จะแปลงได้ทุกแห่ง เพราะนาคมี 2 ประเภท คือ นาคที่แปลงกายได้เฉพาะบนบก เรียกว่า ถลชะ และนาคที่แปลงกายเฉพาะในน้ำ เรียกว่า ชลชะ
ในวรรณกรรมทางพระรพุทธศาสนากล่าวถึงนาคโดยละเอียดไว้มากมาย ในที่นี้จะไม่ขอกล่าวถึง แต่จะเชื่อมโยงบทบาททางความเชื่อของคนล้านนา ว่านาคนั้นมีบทบาทใดบ้าง ดังจะได้เสนอเป็นลำดับต่อไป
นาคให้น้ำ
ชาวล้านนาเชื่อว่า ในแต่ละปีน้ำจะน้อยหรือมากขึ้นอยู่กับจำนวนของนาคที่ขึ้นมาพ่นน้ำให้ฝนตก หากปีใดนาคมีจำนวนน้อยปีนั้นน้ำจะมาก แต่ถ้าปีใดนาคมีจำนวนมากปีนั้นน้ำจะมีน้อย เพราะถ้ามีนาคหลายตัวจะเกี่ยงกันพ่นน้ำ และการจะดูว่าปีไหนนาคจะให้น้ำกี่ตัว ก็มีสูตรในการดูซึ่งมีอยู่หลายตำรา ที่ดูง่ายที่สุด คือการดูจากปีนักษัตร อย่างเช่นที่ปรากฏในคัมภีร์พับสาของวัดศรีมงคล อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ได้ระบุจำนวนนาคในแต่ละปีไว้ดังนี้
ปีใจ้ (ชวด) ๘ ตัว
ปีเป้า (ฉลู) ๒ ตัว
ปียี (ขาล) ๕ ตัว
ปีเหม้า (เถาะ) ๔ ตัว
ปีสี (มะโรง) ๓ ตัว
ปีใส้ (มะเส็ง) ๗ ตัว
ปีสะง้า (มะเมีย) ๒ ตัว
ปีเม็ด (มะแม) ๗ ตัว
ปีสัน (วอก) ๔ ตัว
ปีเร้า (ระกา) ๖ ตัว
ปีเส็ด (จอ) ๙ ตัว
ปีใก๊ (กุน) ๓ ตัว
นาครักษา
ในแต่ละปีจะมีการพยากรณ์ในใบประกาศสงกรานต์ที่เรียก "หนังสือปีใหม่ " นอกจากจะบอกจำนวนนาคให้น้ำแล้ว ยังปรากฏว่านาคมีหน้าที่รักษาปี รักษาป่า และรักษาน้ำ โดยดูจากตัวเลขเศษจากการนำเอาตัวเลขจุลศักราชหารด้วย ๑๒ หากเศษ ๓ หรือ ๕ นาคจะรักษาปี (บางตำราว่ารักษาป่า) เศษ ๔ หรือ ๙ นาครักษาน้ำ (บางตำราว่ารักษาป่า)
นาคพ่นพิษ
จากตำรานาคผู่พิษ ของวัดกิตติวงศ์ อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวถึงพญานาคตนหนึ่งลำตัวยาวใหญ่กระหวัดรัดโลกมนุษย์ไว้ พอถึงวันและเวลาตามกำหนดจะชูคอพ่นพิษลงพื้นโลก ทำให้ผลร้ายบังเกิดแก่มนุษย์ที่ประกอบกิจกรรมในช่วงเวลานั้น ๆ เนื้อหาของตำราดังกล่าวพอสรุปได้ว่า
เดือนใดก็ตาม ในวันขึ้น ๔ ค่ำ และขึ้น ๑๐ ค่ำ พญานาคจะพ่นพิษในตอนกลางคืน ผู้ใดแต่งงาน จะเลิกร้างกันในที่สุด
เดือนใดก็ตาม ในวันขึ้น ๙ ค่ำ และขึ้น ๑๐ ค่ำ พญานาคจะพ่นพิษในตอนกลางวัน กระทำการมงคลใดจะกลับกลายเป็นอัปมงคลไปสิ้น
เดือนใดก็ตามในวันแรม ๓ - ๔ ค่ำ และวันเดือนดับ พญานาคจะพ่นพิษในตอนกลางวัน ไม่ควรสร้างบ้านเรือนใหม่ ไม่ควรออกเดินทางไปแสวงลาภ ไม่ควรแรกปลูกต้นไม้จะทำให้เกิดความเสียหายตามมา
นาคหันหัว
ในแต่ละเดือน นาคจะหันหัวไปในทิศต่าง ๆ ในการปลูกบ้านจะต้องดูทิศนาคหันหัวก่อน เพื่อเลือกขุดหลุม วางมูลดินและหันปลายเสาให้ถูกต้อง ทั้งนี้ตำราโบราณท่านระบุทิศหัวนาคท้องนาคและหลังนาคพร้อมทิศในการเลือกขุดหลุมเสาเล่มแรก การวางมูลดินและหันปลายเสาไว้ดังนี้
เดือน หัว ท้องหลัง หลุมเสา มูลดิน ปลายเสา
๓ ๔ ๕ เหนือ ตะวันออก ตะวันตก ตะวันตกเฉียงใต้ใต้
๖ ๗ ๘ ตะวันตก ใต้ เหนือ ตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออก ตะวันตก
๙ ๑๐ ๑๑ ตะวันออก เหนือ ใต้ ตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันออก
๑๒ ๑ ๒ เหนือ ตะวันตก ตะวันออก ใต้ เหนือ
สมมุติว่าถ้าจะปลูกบ้านในเดือน ๓ ๔ ๕ ให้เลือกขุดหลุมเสาที่อยู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ก่อน มูลดินที่ขุดขึ้นมาให้วางไว้ปากหลุมทิศเหนือ วางเสาให้หันปลายเสาไปทางทิศใต้ หากกระทำการดังนี้ พญานาคจะพึงพอใจ และบันดาลให้เจ้าเรือนมีความสมบูรณ์พูนสุข
อนึ่ง การไถนาก็เช่นกัน จะต้องไม่ไถไปทางทิศที่นาคหันหัวไป เพราะถือว่าเป็นการ เสาะเกล็ดนาค คือไถย้อนเกล็ดนาค ซึ่งถือเป็นการฝืนหรือด้านอิทธิพลพญานาคผู้ดูแลผืนดิน ผลที่ตามมาคือมักมีอันเป็นไปต่าง ๆ นานา เช่น ไถหัก วัวควายตื่นกลัว คนไถได้รับอันตรายหรือข้าวกล้าเสียหาย เป็นต้น ส่วนทิศการหันหัวของนาคจะเป็นทิศเดียวกันกับทิศที่กล่าวข้างต้นหรือไม่ ยังไม่มีข้อสรุป เพราะมีตำรานาคหันหัวสำหรับการไถนาหลายฉบับ กล่าวตรงกันไว้ดังนี้
เดือน ๑ - ๓ หันหัวไปทางทิศใต้
เดือน ๔ - ๖ หัวหันไปทางทิศตะวันตก
เดือน ๗ - ๙ หัวหันไปทางทิศเหนือ
เดือน ๑๐ - ๑๒ หัวหันไปทางทิศตะวันออก
ขอที่ดินพญานาค
การปลูกเรือนสร้างบ้าน มีพิธีสำคัญอย่างหนึ่งคือการบูชาพญานาคเป็นการขอที่ดินจากพญานาคผู้เป็นเจ้าแห่งแผ่นดิน พิธีนี้จะมีในวันยกเสาเอกหรือเสามงคล โดยเริ่มต้นด้วยการจัดเตรียมใบมะตูม ๗ ใบ ผ้าขาวยาว ๑ ศอก กระบอกไม้ไผ่บรรจุน้ำ ๗ กระบอก กระบอกไม้ไผ่บรรจุทราย ๗ กระบอก กระทงกาบกล้วย (สะตวง) กว้าง ๑ ศอก ภายในกระทงใส่อาหารคาว หวาน ข้าว หมาก พลู บุหรี่ กล้วย อ้อย พริก เกลือ ข้าวเปลือก ข้าวสาร ข้าวตอกดอกไม้ เทียน ๔ เล่ม ตุง ๔ ตัว ช่อ (ธงสามเหลี่ยม) ๔ ผืน เฉพาะตุงและช่อให้สีตามเดือนซึ่งกำหนดไว้ดังนี้
เดือน ๑ - ๓ ใช้สีขาว
เดือน ๔ - ๖ ใช้สีเหลือง
เดือน ๗ - ๙ ใช้สีเขียว
เดือน ๑๐ - ๑๒ ใช้สีแดง
หลังจากเตรียมสิ่งของพร้อมแล้ว ผู้ประกอบพิธีจะกล่าวคำโองการการแล้วเอาผ้าขาวรองก้นหลุมเสามงคล เอาใบมะตูมวางบนผ้าขาวพร้อมเทน้ำและทรายลง ประพรมด้วยน้ำอบน้ำหอมน้ำส้มป่อย เอามูลดินเล็กน้อยใส่กระทงใบพลี ณ ทิศตะวันออก เป็นเสร็จพิธีขอที่ดินพญานาค
นาคเข้าบ่วงบาศ
นาคเข้าบ่วงบาศ หมายถึง บ่วงบาศที่เป็นงู เครื่องรางอย่างหนึ่งของชาวล้านนา ที่เชื่อว่าสามารถสามารถหายตัวได้คือ "นาคเข้าบ่วงบาศ" เวลาพบเห็นงูสองตัวกำลังกลืนหางกันอยู่มีลักษณะเป็นวงกลมโบราณท่านให้หาแผ่นไม้หรือแผ่นหินที่มีน้ำหนักไปทับไว้ให้งูตาย แล้วปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งสนิท บ่วงงูที่กลืนหางกันนี้ หากนำมาสวมศรีษะแล้วจะทำให้คนอื่นมองไม่เห็นตัวตน
การอ้างนาคให้ช่วยนำกุศล
ในการทำบุญของชาวล้านนา มักมีการอ้างเอาพญานาคร่วมกับเทพองค์อื่น ๆ ช่วยนำพาเอาส่วนบุญไปส่งให้แก่ดวงวิญญาณผู้ล่วงลับ ในกรณีที่ไม่สามารถมารับได้ดังปรากฏในคำให้พรของพระสงฆ์ที่ว่า .....แม้ดวงวิญญาณของ.....อยู่ที่กวงไกลมาบ่ได้ ขอฝากกับเทพไธ้มเหสิกขา พระญาอินทร์ พระญาพรหม พระญายมราช ครุฑนาคน้ำ ปรไมไอศวร.....นำเอากุศลผลทานนี้ไปรอดเถิง
ดังที่ได้กล่าวมาแล้วจะเห็นได้ว่านาคมีบทบาทความสำคัญในเชิงวัฒนธรรมความเชื่อของชาวล้านนาเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่ใช่เรืองแปลกที่ปรากฏของรูปนาคตามสถานที่สำคัญต่าง ๆ โดยเฉพาะศาสนสถานอันเป็นแหล่งรวมรูปสิ่งอันเนื่องมาจากพื้นฐานของศรัทธา ในเขตล้านนา
ข้อมูลจาก
อาจารย์สนั่น ธรรมธิ สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
<หน้าถัดไป> <กลับหน้าหลัก>
|